ในวันที่ต้องเกษียณอายุจากการทำงาน เรี่ยวแรงไม่มากพอที่จะออกเดินทางท่องเที่ยว เหมือนอย่างเช่นวัยหนุ่มสาว “บ้าน” คงจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับการใช้ชีวิตในบั่นปลาย

แต่ความเสื่อมถอยของร่างกายเมื่ออายุมากขึ้น ส่งผลให้สภาวะการรับรู้ การได้ยิน การมองเห็น รวมถึงการเคลื่อนไหวของร่างกายเปลี่ยนไป กลายเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวันแม้กระทั่งในบ้าน ดังนั้นการออกแบบบ้านเพื่อผู้สูงอายุ การวางโครงสร้างของบ้าน การตกแต่งบ้าน รวมถึงสีสันภายในบ้าน เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจและให้ความสำคัญ เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถเคลื่อนไหวและทำกิจวัตรประจำวันภายในบ้านได้ด้วยตัวเองอย่างปลอดภัยครับ

ดังนั้น อย่ารีรอที่จะเปลี่ยนบ้านหลังเดิมให้สะดวก สบาย และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไปดูกันว่า ในการออกแบบบ้านเพื่อผู้สูงอายุ มีพื้นที่ไหนภายในบ้านบ้างที่เราควรต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อผู้สูงอายุครับ

ห้องนอน

เพราะกำลังวังชาในการเคลื่อนไหวลดน้อยลง ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จึงมักจะใช้ชีวิตอยู่ในห้องนี้มากที่สุด ดังนั้นห้องนอนควรจัดให้อยู่ชั้นล่างของบ้านในพื้นที่โล่ง มองเห็นได้สะดวก และเข้าห้องน้ำได้ง่าย โดยเตียงนอนควรสูงพอดีกับล้อรถเข็นประมาณ 40 เซนติเมตร หรือให้อยู่ในระดับที่ผู้สูงอายุสามารถลุกขึ้นนั่ง แล้ววางเท้าถึงพื้นได้ ควรวางให้มีพื้นที่ว่างรอบเตียง 3 ด้าน ด้านละ 90 เซนติเมตร เพื่อเทียบรถเข็น และควรมีสัญญาณฉุกเฉินติดตั้งไว้บริเวณหัวเตียงเช่นเดียวกับในห้องน้ำ ส่วนตู้เสื้อผ้าควรเป็นแบบบานเลื่อนเพื่อให้ง่ายและสะดวกต่อการใช้งานของผู้สูงอายุ

  และที่สำคัญควรเลือกที่นอนให้มีความเหมาะสม เพื่อรองรับกระดูกสันหลังที่เริ่มเสื่อม ได้แก่

  • ที่นอนสปริง มีความยืดหยุ่นสูง หากมีจำนวนสปริงมากจะทำให้รับส่วนโค้งเว้าของร่างกายได้ดี ไม่สะสมความชื้น แต่เมื่อใช้ไปนานๆ อาจมีเสียงดังได้
  • ที่นอนลมแบบ Bubble เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นแผลกดทับ เพราะช่วยลดแรงเสียดสีผิว
  • ที่นอนลมแบบลอน  ชนิดนี้เหมาะกับผู้สูงอายุที่ต้องนอนมากกว่าปกติ เช่น ผู้ที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
  • ที่นอนยางพารา มีความนุ่มและยืดหยุ่นดี ไม่เก็บความชื้นและฝุ่น เหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้

ห้องน้ำ

ผู้สูงอายุมักจะเข้าห้องน้ำบ่อย ดังนั้นการออกแบบบ้านเพื่อผู้สูงอายุ ควรออกแบบทางเดินให้มีความสะดวก ไม่มีสิ่งกีดขวางที่ก่อให้เกิดอันตราย ขนาดความกว้างที่เหมาะสมคือ 150 – 200 เซนติเมตร สิ่งสำคัญคือ พื้นห้องน้ำต้องไม่ลื่น ควรเลือกพื้นกระเบื้องที่มีขนาดแผ่นเล็ก เพราะร่องยาแนวที่ถี่จะช่วยลดแรงเสียดทานได้มากกว่า พื้นห้องน้ำต้องไม่มีขั้นให้สะดุด หากมีธรณีประตูไม่ควรสูงเกิน 2 เซนติเมตร แต่จะเป็นการดีหากระดับพื้นภายในและภายนอกเสมอกัน แยกพื้นที่เปียกและพื้นที่แห้งเพื่อป้องกันการลื่นล้ม อีกทั้งควรมีอุปกรณ์เสริมในห้องน้ำ ดังนี้

  • โถส้วม ควรเลือกชักโครกนั่งห้อยขาแทนแบบนั่งยอง โดยมีความสูงจากพื้นประมาณ 45 เซนติเมตร เพื่อการลุกนั่งที่สะดวก
  • ติดตั้งปุ่มกดกริ่งฉุกเฉินในระยะที่เอื้อมถึง สูงจากพื้นประมาณ 90 – 100 เซนติเมตร
  • ราวจับข้างโถส้วมเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยในการพยุงตัวขณะนั่งหรือลุก
  • อ่างล้างหน้าล้างมือ ควรสูงจากพื้นประมาณ 75 เซนติเมตร และเป็นรูปแบบที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งเพื่อความสะดวกสำหรับผู้ที่นั่งรถเข็นให้สอดขาเข้าใต้ชั้นที่วางอ่างได้
  • ก๊อกน้ำควรเป็นชนิดก้านโยก ก้านบิด และก้านหมุน
  • ที่นั่งสำหรับอาบน้ำ ควรเลือกวัสดุที่แข็งแรง พร้อมตัวเบาะที่นุ่มป้องกันการลื่นไหล

ห้องครัว

เพื่อให้ผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็นสามารถใช้งานได้สะดวก ดังนั้นระดับโต๊ะและเคาน์เตอร์ภายในห้องครัว ควรมีความสูงจากพื้นประมาณ 80 เซนติเมตร อีกทั้งควรจัดวางเครื่องใช้ต่างๆ เช่น ตู้เย็น เตาแก๊ส โต๊ะอาหาร ตู้กับข้าว ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กีดขวางรถเข็นของผู้สูงอายุด้วย

ทางลาด

ทางลาดเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะที่ต้องนั่งรถเข็น ควรจัดทำทางลาดให้ใกล้กับบันได เพื่ออำนวยความสะดวก และผ่อนแรงให้กับผู้ที่ดูแล ทางลาดที่เหมาะสมควรมีความชันไม่เกิน 5 องศา และกว้างไม่น้อยกว่า 90 เซนติเมตร พื้นผิวต้องไม่ลื่นเมื่อเปียกน้ำ โดยให้มีความฝืดพอสมควร และยกขอบทางลาดเพื่อป้องกันมิให้ล้อลื่นไถลออกไปได้ ควรจัดให้มีชานพักสำหรับทางลาดทุกระยะ ความยาวไม่เกิน 6 เมตร โดยเฉพาะหน้าประตูห้อง เพื่อให้ผู้นั่งรถเข็นเปิดประตูเพื่อตั้งหลักก่อนที่จะเลื่อนล้อ เพราะหากเชื่อมเป็นทางลาด โอกาสที่รถเข็นจะลื่นไหลก็เป็นไปได้

พื้น

ในการออกแบบบ้านเพื่อผู้สูงอายุ ต้องพิถีพิถันในการเลือกพื้น ควรเลือกพื้นผิวต่างชนิดกันในแต่ละบริเวณ เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถสังเกตและระวังจุดต่างๆได้ง่าย ผู้สูงอายุที่สายตาพร่าเลือนก็สามารถใช้ปลายไม้เท้าสัมผัสแยกแยะได้อย่างสะดวก ใช้พื้นที่มีลวดลายแต่พอดี ไม่ขรุขระ ไม่ลื่น ไม่มัน เพื่อป้องกันการลื่นล้ม

  • พื้นคอนกรีต : เหมาะสำหรับใช้งานนอกอาคาร เช่น ทางเดิน ลานจอดรถ ลานเอนกประสงค์
  • พื้นไม้ระแนง : เหมาะกับการปูพื้นสวน ระเบียงบ้าน ริมสระน้ำ
  • พื้นภายในบ้าน เช่น กระเบื้อง ไม้จริง ไม้ลามิเนตที่มีผิวกึ่งมันกึ่งด้าน ป้องกันการลื่นและไม่บาดเท้า

ราวจับ

การออกแบบบ้านเพื่อผู้สูงอายุ ควรมีการติดตั้งราวจับในบริเวณต่างๆ ที่มีความจำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งราวจับนั้นมีหลายรูปแบบด้วยกัน

  • ราวตรงสั้น : ใช้พยุงตัวลุกจากที่นั่ง
  • ราวตรงยาว : มักใช้ติดผนังทางเดิน เพื่อประคองตัวสำหรับผู้ที่ใช้ไม้เท้า
  • ราวรูปตัวแอว : ช่วยพยุงตัวขณะลุก หรือนั่งโถส้วม เช่นเดียวกับราวรูปตัววี
  • ราวรูปตัวที : ใช้บริเวณข้างชักโครกช่วยในการทรงตัว
  • ราวรูปตัวยู : ใช้สำหรับอ่างล้างหน้า

ประตู

หัวใจสำคัญของการเลือกประตู คือการเปิดปิดง่าย ให้มีความกว้างไม่น้อยกว่า 90 เซนติเมตร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับรถเข็น หากเป็นประตูบานผลัก เมื่อเปิดออกไปไม่ควรมีสิ่งกีดขวาง ขนาดกว้างและยาวไม่น้อยกว่า 150 เซนติเมตร ส่วนประตูบานเลื่อนเป็นสิ่งที่สถาปนิกแนะนำ เพราะจะช่วยผ่อนแรงในการเปิดปิดได้ง่าย โดยผู้สูงอายุไม่ต้องมีผู้ช่วย ทั้งนี้มือจับประตูควรเป็นแบบก้านโยก ตำแหน่งสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 100 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 120 เซนติเมตร

ประตูไม้จริง : ข้อดีคือ มีความแข็งแรง คงทน อายุการใช้งานมากกว่า 15 ปีขึ้นไป ส่วนข้อเสียคือ ราคาแพง ไม้บางชนิด เช่น ไม้ตะแบก ไม้เต็ง มักเกิดการพองตัว งอ บิด เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

ประตูไม้อัด :  ข้อดีคือ น้ำหนักเบา สีสวย ราคาถูก ส่วนข้อเสียคือ ผุง่าย ไม่คงทนต่อความชื้นและแสงแดด

ประตู PVC :  ข้อดีคือ มีให้เลือกหลากสี ราคาถูก ปราศจากปัญหาเรื่องความชื้นและปลวก ไม่ผุ บวม บิด งอ น้ำหนักเบา ทำความสะอาดง่าย ส่วนข้อเสีย ไม่เหมาะสำหรับติดตั้งภายนอกที่แสงแดดส่องถึง เพราะความร้อนจะทำประตูกรอบเสียหายได้

ประตูไซเบอร์กลาส : ข้อดีคือ คงทน แข็งแรง ทนแดด ทนฝน ทดความร้อนและความชื้น ไม่ยืด ไม่หด หรือบิดงอ แต่มีข้อเสียคือราคาแพง

พื้นที่สีเขียว

สำหรับการออกแบบบ้านเพื่อผู้สูงอายุ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับพื้นที่ว่างรอบบ้าน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเติมความสุขให้กับผู้สูงอายุและคนในบ้าน และจะดีมากยิ่งขึ้น หากหากิจกรรมให้กับผู้สูงอายุทำ เช่นการปลูกต้นไม้ โดยเพิ่มเก้าอี้ม้านั่งที่มีที่ท้าวแขนไว้กลางสวน เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศภายในห้องนอนที่แสนจะจำเจ สู่ธรรมชาติที่สบายตามากยิ่งขึ้นครับ

สีสันภายในบ้าน กับการออกแบบบ้านเพื่อผู้สูงอายุ

ปัญหาหรือโรคทางสายตาที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ส่งผลให้การมองเห็นไม่ชัดเจน อาจเห็นสีซีดจางผิดเพี้ยนไป หรือแยกความต่างของสีไม่ได้ ดังนั้นการเลือกสีสันที่มีความแตกต่างกันมาตกแต่งบ้าน จะช่วยลดปัญหาหรืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุได้ครับ

บันไดและพื้นต่างระดับ ควรเพิ่มความสว่างด้วยการซ่อนไฟบริเวณลูกนอนบันได หรือติดแถบสีเหลือง (สะท้อนแสง) หรือสีอื่นๆ ที่ตัดกับสีของบันได บริเวณจมูกบันได ก็จะช่วยให้การมองเห็นชัดเจนขึ้น

ห้องน้ำ สีกระเบื้องควรตัดกับสีสุขภัณฑ์ เพื่อให้ผู้สูงอายุแยกได้ว่าสุขภัณฑ์อยู่ตรงไหน

พื้น ไม่ว่าจะเป็นพื้นกระเบื้อง หรือพรมปูพื้นที่มีลวดลายต่างๆ หรือมีสีอ่อนสีเข้ม นั่นอาจทำให้ผู้สูงอายุมองเห็นเป็นพื้นต่างระดับ และเดินก้าวพลาดเสียการทรงตัวได้ ดังนั้นควรเลือกพื้นกระเบื้องหรือพรมปูพื้นที่เป็นสีเดียวกันเป็นผืนใหญ่จะเหมาะสมกว่า

ผนัง ประตู และลูกบิด การออกแบบบ้านเพื่อผู้สูงอายุ ควรออกแบบให้ผนัง พื้นกระเบื้อง ประตู ลูกบิด มีสีสันที่ตัดกัน และควรหลีกเลี่ยงการใช้ผนังหรือประตูที่มีกระจกใสทั้งบาน เพื่อการใช้งานที่สะดวกและปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ

เพราะอาการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ หรือการเสื่อมสภาพตามกาลเวลาของร่างกาย อาจบั่นทอนกำลังใจการใช้ชีวิตสำหรับผู้สูงอายุ ดังนั้น การออกแบบบ้านเพื่อผู้สุงอายุ จะช่วยทำให้ท่านได้กลับมามีกำลังกายและกำลังใจที่เข้มแข็งในการใช้ชีวิตโดยไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระของลูกหลาน และทำให้ “บ้าน” กลับมาเป็นวิมานของผู้สูงอายุอีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก

บทความอื่นๆ

ปัญหาท้องอืด เอลเดอร์เชื่อว่าหลายๆคนประสบปัญหาเหล่านี้อยู่เป็นประจำ ดังนั้นสูงวัยมาทำความเข้าใจถึงต้นเหตุของปัญหาท้องอืด และมาร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารกันครับ
ภาวะเลือดเป็นกรดในผู้สูงอายุ เอลเดอร์เชื่อว่าหลายท่านคงยังไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ แต่โรคนี้เป็นโรคอันตรายใกล้ตัวอย่างมากที่ผู้สูงอายุไม่ควรละเลย
error: Content is protected !!
Scroll to Top