เป็นที่ทราบกันว่าผักผลไม้นั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะผู้สูงอายุโรคไต การรับประทานผักผลไม้บางชนิดก็ให้โทษกับร่างกายได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากผู้ป่วยรวมถึงผู้สูงอายุที่เป็นโรคไต จำเป็นต้องควบคุมปริมาณโพแทสเซียมในร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม จึงต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโพแทสเซียมสูง ซึ่งผักและผลไม้หลายชนิดก็เป็นหนึ่งในกลุ่มอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงเช่นเดียวกันครับ

“โพแทสเซียม” เป็นเกลือแร่ชนิดหนึ่งที่ช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อในร่างกาย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจ คอยควบคุมสมดุลกรด – ด่างในร่างกาย รวมถึงช่วยลดอาการบวมน้ำ ปรับสมดุลน้ำในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดหัวใจล้มเหลวอีกด้วย ซึ่งในผักผลไม้ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีสีเข้มๆ ไม่ว่าจะสีเขียวเข้ม สีเหลืองเข้ม สีแดงเข้ม และสีส้มเข้ม จะมีเกลือแร่ชนิดนี้อยู่ค่อนข้างสูง
ดังนั้น ถ้าถามว่าการที่โพแทสเซียมในร่างกายสูงเกินไปจะส่งผลอย่างไร คำตอบก็คือ ถ้าร่างกายมีปริมาณโพแทสเซียมสูงเกินไป ทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมเกิน ทำให้ไตต้องทำงานหนักในการขับแร่ธาตุ อีกทั้งยังอาจมีอาการเหนื่อยหอบ อ่อนเพลีย ใจสั่น คลื่นไส้ เป็นตะคริว ชีพจรเต้นช้าลง ไปจนถึงหัวใจหยุดเต้นได้ แต่ในขณะเดียวกัน โพแทสเซียมก็ยังมีประโยชน์กับผู้ป่วยโรคไตอยู่บ้างดังที่กล่าวไปข้างต้น เพราะโพแทสเซียมช่วยลดอาการบวมน้ำในร่างกายของผู้ป่วย ช่วยปรับสมดุลของน้ำในร่างกายให้เป็นปกติ และป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว เพราะฉะนั้น เราจะไม่ทานอาหารที่มีโพแทสเซียมเลยก็คงไม่ได้เช่นกันครับ
สำหรับผู้สูงอายุโรคไต การควบคุมปริมาณอาหารที่ถูกต้องเหมาะสม ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการทำงานของไตให้ยาวนานมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถชะลอการดำเนินของโรคไตวายเรื้อรังได้ โดยผู้สูงอายุโรคไต หรือผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดยังไม่สูงมากนัก สามารถรับประทานผักและผลไม้ได้ แต่ต้องเลือกชนิดที่มีโพแทสเซียมต่ำ และรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะด้วยครับ
ขณะเดียวกัน ผู้สูงอายุโรคไต หรือผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงกว่า 5.0 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ควรเลือกรับประทานผักที่มีโพแทสเซียมต่ำถึงปานกลาง แต่ไม่ควรงดทานผักไปเลย เพราะผักเป็นแหล่งของวิตามินและใยอาหาร ช่วยป้องกันท้องผูกได้ครับ
และกลุ่มที่สำคัญที่สุดคือ ผู้สูงอายุโรคไต หรือผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายซึ่งมีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงกว่า 5.5 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ควรงดทานผลไม้ทุกชนิด เนื่องจากผลไม้ส่วนใหญ่มีปริมาณโพแทสเซียมสูง หากยังฝืนรับประทานอาจทำให้ผู้ป่วยได้รับโพแทสเซียมสูงเกินไป ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการใจสั่น คลื่นไส้ เป็นตะคริว ชีพจรเต้นช้าลง และหัวใจเต้นผิดปกติจนหยุดเต้นได้ครับ
ผู้สูงอายุโรคไต ควรเลือกและควรเลี่ยง ผักผลไม้อะไรบ้าง
สำหรับผู้สูงอายุโรคไต ควรได้รับโพแทสเซียมไม่เกินวันละ 1,500 มิลลิกรัม ดังนั้นจึงควรรับประทานผักผลไม้ที่มีโพแทสเซียมต่ำ แต่ก่อนจะไปดูว่ามีผักผลไม้อะไรบ้างที่ผู้สูงอายุโรคไต ควรเลือกและควรเลี่ยงการรับประทาน เราไปดูปริมาณโพแทสเซียมในผักผลไม้แต่ละชนิดกันก่อนครับ
ปริมาณโพแทสเซียมจากผลไม้ 100 กรัม (ส่วนที่กินได้)
ชนิดของผลไม้ | ปริมาณโพแทสเซียม (มิลลิกรัม)/100 กรัม |
ทุเรียนก้านยาว | 680 |
ทุเรียนชะนี | 406 |
กล้วยหอม | 347 |
กล้วยไข่ | 310 |
ทุเรียนหมอนทอง | 292 |
แก้วมังกร | 271 |
กีวี่ | 236 |
ส้มสายน้ำผึ้ง | 229 |
ลำไย | 224 |
น้อยหน่า | 214 |
ฝรั่ง | 210 |
ขนุน | 207 |
กล้วยน้ำว้า | 204 |
ปริมาณโพแทสเซียมในผัก 100 กรัม (ส่วนที่กินได้)
ชนิดของผัก | ปริมาณโพแทสเซียม (มิลลิกรัม)/100 กรัม |
ผักโขม | 846 |
หน่อไม้ | 533 |
ขี้เหล็ก | 521 |
ชะอม | 438 |
เห็ดโคน | 433 |
ใบกะเพรา | 398 |
กระถิน | 383 |
แครอท | 367 |
ผักแพว | 359 |
ผักคะน้า | 345 |
เห็ดฟาง | 317 |
ฟักทอง | 310 |
บร็อคโคลี่ | 295 |
กระหล่ำดอก | 285 |
ผักกาดขาว | 284 |
ผักบุ้งจีน | 263 |
กะหล่ำปลี | 251 |
กุยช่ายดอก | 229 |
ผักกระเฉด | 228 |
ผักกวางตุ้ง | 227 |
ถั่วฝักยาว | 224 |
มะรุม | 203 |
จากข้อมูลในตารางข้างต้น เราสามารถแบ่งกลุ่มผักผลไม้ที่ควรเลือกและควรเลี่ยงการรับประทาน ออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
1. ผักที่มีโพแทสเซียมต่ำถึงปานกลาง
สำหรับผู้สูงอายุโรคไต หรือผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดยังไม่สูงมากนัก รวมถึงผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงกว่า 5.0 มิลลิกรัม/เดซิลิตร สามารถรับประทานผักที่มีโพแทสเซียมต่ำถึงปานกลางได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผักที่มีสีขาวๆ ได้แก่ แตงกวา แตงร้าน ฟักเขียว ฟักแม้ว บวบ มะระ มะเขือยาว มะละกอดิบ ถั่วแขก หอมใหญ่ กะหล่ำปลี ผักกาดแก้ว ผักกาดหอม พริกหวาน และพริกหยวก เป็นต้น
2. ผักที่มีโพแทสเซียมสูง
กลุ่มนี้สำหรับผู้สูงอายุโรคไต ควรงดหรือควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด เนื่องจากมีโพแทสเซียมสูง ได้แก่ เห็ด หน่อไม้ฝรั่ง บร็อคโคลี่ ดอกกะหล่ำ แครอท แขนง กะหล่ำปลี ผักโขม ผักบุ้ง ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ยอดฟักแม้ว ใบแค ใบขึ้นฉ่าย ข้าวโพด มันเทศ มันฝรั่ง ฟักทอง กระเจี๊ยบ ผักแว่น ผักหวาน สะเดา และหัวปลี เป็นต้น
3. ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมต่ำถึงปานกลาง
ผู้สูงอายุโรคไตหรือผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่มีระดับโพแทสเซียมในเลือดยังไม่สูงมากนัก สามารถรับประทานผลไม้กลุ่มนี้ได้ แต่ในหนึ่งวันต้องเลือกทานอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ตัวอย่างเช่น องุ่น 10 ผล, สับปะรด 8 ชิ้นคำ, ส้มเขียวหวาน 1 ผล, ชมพู่ 2 ผล, แตงโม 10 ชิ้นคำ, พุทรา 2 ผลใหญ่, ลองกอง 6 ผล, ส้มโอ 3 กลีบ, มังคุด 3 ผล และเงาะ 4 ผล เป็นต้น
4. ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง
ถึงแม้ว่าผลไม้จะเป็นแหล่งสำคัญของวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหาร แต่ผลไม้ส่วนใหญ่จะมีโพแทสเซียมสูง โดยเฉพาะผลไม้กลุ่มนี้ ในผู้สูงอายุโรคไตไม่ว่าระยะใด ควรงดหรือควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด ได้แก่ กล้วยทุกชนิด ฝรั่ง ขนุน ทุเรียน น้อยหน่า กระท้อน ลูกพลับ ลูกพรุน ลำไย มะม่วง มะเฟือง มะปราง มะขามหวาน แคนตาลูป รวมถึงน้ำผลไม้ เช่น น้ำส้มคั้น น้ำมะพร้าว น้ำผลไม้รวม และน้ำแครอท เป็นต้น
4 เทคนิค ทำอย่างไรหากผู้สูงอายุโรคไต อยากกินผักผลไม้ทุกวัน
หากจะให้ผู้สูงอายุโรคไตงดการทานผักผลไม้ไปเลย อาจจะดูใจร้ายไปสักหน่อย อีกทั้งยังอาจทำให้ผู้สูงอายุมีปัญหาสุขภาพตามมาอีกมากมาย เช่น ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ขาดวิตามิน – แร่ธาตุบางชนิดที่มีอยู่ในผักผลไม้ รวมถึงท้องผูก ระบบขับถ่ายมีปัญหา ดังนั้นเราไปดูเทคนิคง่ายๆ ว่าทำอย่างไรผู้สูงอายุโรคไตจึงจะสามารถกินผักผลไม้ได้ทุกวัน
1. เลือกผักผลไม้ในกลุ่มที่มีโพแทสเซียมต่ำเป็นหลัก : หากต้องการกินผักผลไม้ทุกวัน ผู้สูงอายุโรคไตควรเลือกผักผลไม้ในกลุ่มที่มีโพแทสเซียมต่ำเป็นหลัก คือเลือกผักที่มีสีสีขาวหรือสีเขียวอ่อน แทนสีเขียวเข้มจัด เช่น ผักกาดขาว, ถั่วฝักยาว, บวบ, พริกหยวก, ถั่วลันเตา, หอมใหญ่, ฟัก, น้ำเต้า, กะหล่ำปลี, แตงกวา, ถั่วงอก, มะเขือยาว, มะเขือเปราะ, มะระ, ผักบุ้ง, ผักกระเฉด และพริกหวาน
2. ลวกผักก่อนทานช่วยลดปริมาณโพแทสเซียมได้ : หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า การนำผักสดๆไปลวกน้ำร้อนก่อนนำมารับประทาน ช่วยลดปริมาณโพแทสเซียมลงไปได้กว่า 30% ดังนั้นผู้สูงอายุโรคไตที่อยากทานผักทุกวันก็สามารถนำวิธีการนี้ไปใช้ได้ครับ แต่ข้อเสียของวิธีนี้ก็คือ นอกจากปริมาณโพแทสเซียมจะลดลงแล้ว วิตามินและแร่ธาตุที่อยู่ในผักก็จะสูญเสียไปด้วยเช่นเดียวกันครับ
3. ผลไม้แบ่งทานมื้อละชิ้นสองชิ้นได้ เพื่อให้หลากหลายไม่จำเจ : สำหรับผลไม้กลุ่มที่มีโพแทสเซียมต่ำถึงปานกลาง ซึ่งต้องจำกัดปริมาณในการรับประทาน แนะนำว่า ให้แบ่งรับประทานมื้อละชิ้นสองชิ้น เพื่อให้ใน 1 วัน ผู้สูงอายุโรคไต สามารถรับประทานผลไม้ได้หลากหลายชนิดมากขึ้น เช่น มื้อเช้า กินแอปเปิ้ล 3 ชิ้น, มื้อกลางวัน กินชมพู่อีก 1 ผล, มื้อเย็น กินเงาะ 3 ลูก เป็นต้น
4. มื้อไหนผักน้อยเพิ่มผลไม้เยอะ มื้อไหนผักเยอะลดผลไม้ลงหน่อย : เพื่อให้ผู้สูงอายุโรคไต ได้รับสารอาหารและปริมาณโพแทสเซียมที่เหมาะสม ดั้งนั้น ถ้ามื้อไหนทานผักน้อยหรือไม่มีผักเลย ก็ควรทานผลไม้เพิ่มมากขึ้น แต่ถ้ามื้อไหนในจานมีผักค่อนข้างมาก ก็ทานผลไม้ได้อีกเล็กน้อยเท่านั้นครับ

สรุปก็คือ อาหารที่ผู้สูงอายุโรคไต รวมถึงผู้ป่วยโรคไตในระยะต่างๆสามารถทานได้ คืออาหารที่มีโพแทสเซียมต่ำ คือผักผลไม้ที่มีสีซีดๆ เช่น ชมพู่ องุ่นเขียว แตงโม บวบเหลี่ยม เห็ดหูหนูขาว ฟักเขียว ผักกาดขาว กะหล่ำปลี แตงกวา ซึ่งการควบคุมปริมาณอาหารที่ถูกต้องเหมาะสม จะช่วยยืดอายุการทำงานของไตให้ยาวนานมากขึ้น และยังช่วยชะลอการดำเนินของโรคไตวายเรื้อรังได้อีกด้วยครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
– https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/141/ผักผลไม้ที่ควรระวังในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง/
– https://hd.co.th/fruit-abstain-kidney-patients
– http://www.kidneymeal.com/ความรู้อาหารโรคไต/potassium-ckd/
– https://www.youtube.com/watch?v=yL9fBu-NopQ