วิตามินและอาหารเสริมได้กลายมาเป็นไอเทมสำคัญในการดูแลสุขภาพของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เนื่องจากในอาหารที่เรารับประทานนั้นอาจจะมีไม่เพียงพอ ซึ่งเอลเดอร์ก็เชื่อแน่ว่าทุกท่านที่ติดตามเอลเดอร์ไม่น้อยก็รับประทานวิตามินและอาหารเสริมกัน ไม่ว่าจะเป็นพวกวิตามินซี วิตามินรวม หรือไม่ก็คอลลาเจน ผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก รวมไปถึงผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสมุนไพรดูแลสุขภาพอื่น ๆ วันนี้เอลเดอร์เลยอยากชวนทุกท่านสำรวจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่รับประทานกันอยู่ว่าอะไรบ้างควรรับประทานคู่กันเพื่อเสริมประสิทธิภาพ วันนี้เอลเดอร์รวบรวมคัดสรรมาให้ 10 คู่ด้วยกัน  ถ้าอยากรู้แล้วก็อย่ารอช้าตามมาดูพร้อม ๆ กันเลยครับ

วิตามินซีคู่กับคอลลาเจน

เชื่อแน่ว่าหลาย ๆ ท่านคงรับประทานวิตามินซีและคอลลาเจนกันอยู่แล้ว เพราะวิตามินซีจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ควรรับประทานวิตามินซีที่เป็นกรดแอสคอร์บิค 100% เท่านั้น ในปริมาณวันละ 1,000 มิลลิกรัม  ส่วนคอลลาเจนผู้สูงอายุควรรับประทานประเภทไทป์ทู (Collagen type 2) เพราะเป็นโครงสร้างเดียวกับโปรตีนที่อยู่ในข้อต่อและกระดูก จะช่วยเสริมสร้างการทำงานของกระดูก ลดการเสื่อมของข้อต่อ และถ้ายิ่งรับประทานคู่กันกับวิตามินซีแล้วก็จะยิ่งช่วยให้คอลลาเจนถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าเดิมอีกครับ โดยขนาดของคอลลาเจนไม่ควรรับประทานเกิน 10,000 มิลลิกรัมต่อวัน

ธาตุเหล็กคู่กับวิตามินซี

ธาตุเหล็กเป็นส่วนสำคัญของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง  ควรได้รับต่อวันที่ 10 – 15 มิลลิกรัม รับประทานคู่กับวิตามินซีแล้วจะดี เพราะวิตามินซีจะเข้าไปช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น ดังนั้น ถ้าหากเรารับประทานธาตุเหล็ก ควรจะรับประทานวิตามินซีเข้าไปด้วยเสมอครับ 

แคลเซียมคู่กับแมกนีเซียม

แคลเซียมเป็นสารอาหารหลักที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของกระดูกและฟัน ซึ่งจำเป็นอย่างมากครับในผู้สูงอายุ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เราเกิดปัญหาสุขภาพพวกกระดูกพรุน กระดูกหักง่าย รวมไปถึงปวดเมื่อยจากกระดูก  ที่สำคัญต้องรับประทานคู่กับแมกนีเซียมจึงจะทำให้แคลเซียมดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น ควรรับประทานแคลเซียม 600 กรัม ต่อ แมกนีเซียม 300 กรัม

แคลเซียมคู่กับวิตามินดี

นอกจากแมกนีเซียมแล้ววิตามินอีกตัวหนึ่งที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายก็คือวิตามินดี ดังนั้นผู้สูงอายควรได้รับแคลเซียมเสริมให้เพียงพอไม่ต่ำกว่า 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งใครที่รับประทานแคลเซียมเสริมอาหารอยู่อยากให้ออกมารับแสงแดดยามเช้าเพื่อให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดี โดยรับแสงแดดช่วง 8.00 – 10.00 น. และ 15.00 – 17.00 น. เพียง 30 นาที จะช่วยร่างกายสร้างวิตามินดีได้ถึง 200 ยูนิตเลยทีเดียว หรือไม่ก็อาศัยการรับประทานเสริมจากอาหารเสริม 

วิตามินซี คู่กับ วิตามินเอ และวิตามินอี

วิตามินทั้ง 3 นี้ถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้น การรับประทานวิตามินทั้ง 3 ร่วมกันจึงช่วยเสริมประสิทธิภาพกันมาก ๆ ครับ ปริมาณต่อวัน ที่แนะนำวิตามินซี 1,000 มิลลิกรัม วิตามินอี 400 IU และวิตามินเอ 10,000-25,000

น้ำมันปลาที่มีดีเอชเอคู่กับอีพีเอ

ในน้ำมันปลาจะมีกรดไขมัน DHA เป็นหลัก ควรรับประทานคู่กับ EPA จะช่วยเสริมประสิทธิภาพกันได้ดี ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาที่มีสารอาหารทั้งสองนี้อยู่ด้วยกัน ช่วยบำรุงสมอง ลดไตรกลีเซอร์ไรด์ป้องกันความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง และยังป้องกันการอักเสบตามข้อและกระดูกได้อีกด้วยครับ

ไลโคปีนคู่กับวิตามินอี

ไลโคปีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการดูลสุขภาพผิวพรรณรวมถึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร้งต่อมลูกหมากด้วย ซึ่งมีงานวิจัยออกมายืนยันว่าการรับประทานไลโคปีนร่วมกับวิตามินอีจะช่วยเสริมประสิทธิภาพซึ่งกันและกันในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และลดโอกาสการเกิดเซลล์มะเร็ง แถมยังช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้นไม่เหี่ยวแห้งอีกด้วยครับ

โอเมก้า 3 คู่กับวิตามินอี

เมื่อรับประทานคู่กันแล้วจะช่วยลดระดับไขมันในเลือดได้ เพราะจากงานวิจัยตีพิมพ์ของ US National Library of Medicine ยืนยันว่าทั้งสองตัวนี้เป็นกลุ่มของไขมันดีที่จะเข้าไปกำจัดไขมันเลวในร่างกายอย่าง LDL และคอเลสเตอรอล ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไขมันอุดตันในหลอดเลือด รวมไปถึงโรคหลอดเลือดสมอง ควรรับประทานโอเมก้า ที่ 250 – 500 มิลลิกรัม และวิตามินอี 400 IU

สังกะสีคู่กับแมกนีเซียม

สังกะสีจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแมกนีเซียมใช้ได้ดีขึ้น เพราะสารอาหารทั้งสองตัวนี้ไม่แย่งชิงกันเข้าสู่ร่างกายแต่จะดูซึมเข้าสู่ร่างกายไปพร้อม ๆ กัน ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง เร่งการเผาผลาญ และช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ซึ่งเราควรได้สังกะสีวันละ 12 – 15 มิลลิกรัม ส่วนแมกนีเซียมไม่ต่ำกว่า 300 มิลลิกรัม

ไฟเบอร์คู่กับโปรไบโอติก

ใครที่มีปัญหาท้องผูกแล้วรับประทานไฟเบอร์กันอยู่อยากให้แนะนำโปรไบโอติกเสริมเข้าไปด้วยจะดีมาก  ๆ ครับ เพราะโปรไบโอติกเป็นจุลินทรีย์ที่ช่วยปรับการทำงานของลำไส้โดยมันจะอาศัยพรีไบโอติกเป็นอาหารซึ่งก็คือไฟเบอร์นั่นเองครับ ทั้งสองตัวนี้จึงช่วยเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลคู่สร้างคู่เสริมวิตามินและสารอาหารทั้ง 10 ที่เอลเดอร์นำมาฝาก ลองไปสำรวจกระเป๋ายาและอาหารเสริมที่บ้านกันดูนะครับเพื่อที่เราจะได้รับประทานวิตามินและอาหารเสริมให้ได้ประโยชน์สูงสุดกันยังไงล่ะครับ

แหล่งที่มา

บทความอื่นๆ

ปัญหาท้องอืด เอลเดอร์เชื่อว่าหลายๆคนประสบปัญหาเหล่านี้อยู่เป็นประจำ ดังนั้นสูงวัยมาทำความเข้าใจถึงต้นเหตุของปัญหาท้องอืด และมาร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารกันครับ
ภาวะเลือดเป็นกรดในผู้สูงอายุ เอลเดอร์เชื่อว่าหลายท่านคงยังไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ แต่โรคนี้เป็นโรคอันตรายใกล้ตัวอย่างมากที่ผู้สูงอายุไม่ควรละเลย
error: Content is protected !!
Scroll to Top