เมื่ออายุล่วงเลยเข้าสู่ช่วงสูงวัย หลาย ๆ ท่านคงประสบปัญหาระบบร่างกายไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดตามเนื้อตัว ปวดตามข้อต่าง ๆ ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หรือปัญหาสายตาที่นับวันยิ่งชัดน้อยลงทุกที รวมไปถึงปัญหาระบบขับถ่ายที่ย่ำแย่กว่าสมัยหนุ่มสาว ทำให้ผู้สูงวัยหลาย ๆ ท่านแสวงหาวิตามินสารพัดประโยชน์มาเพื่อบำรุงร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเหมือนวันวาน ทว่ากลับไม่รู้เลยว่ามีวิตามินที่ดี ประโยชน์ครบครับ และราคาถูกกว่าครึ่งนึง คือ “ผลและผลไม้” ที่สามารถหาได้ตามซูเปอร์มาเก็ต ง่าย ๆ ใกล้บ้านคุณ
วันนี้เอลเดอร์จะชวนคุณมาไขความลับถึงคุณประโยชน์ที่มากมายของผลไม้หลากสี 9 ชนิดที่หลาย ๆ ท่านอาจนึกไม่ถึงมาก่อน
มะเขือเทศราชินี

มะเขือเทศราชินี นางพญาของเหล่าผักและผลไม้ที่มีกลิ่นรสอันเป็นเอกลักษณ์ คงทำให้ผู้สูงอายุหลาย ๆ ท่านไม่ค่อยชื่นชอบรับประทานผลไม้สีแดงจิ๋วชนิดนี้ ทว่าภายใต้ลูกกลม ๆ กลับแฝงไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินเค วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก มะเขือเทศหนึ่งผลมีปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายต้องการจำนวน 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการต่อวันเลยทีเดียว และยังมีสารจำพวกไลโคปีน แคโรทีนอยด์ เบตาแคโรทีน และกรดอะมิโน เป็นต้น นอกจากนี้มะเขือเทศยังจัดว่าเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย เช่น ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ขับปัสสาวะ รักษาความดัน สิ่งสำคัญของมะเขือเทศราชินีที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุมากที่สุด คือ ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ นับว่าการทานมะเขือเทศลูกเล็ก ๆ แค่ลูกเดียวแต่คุณประโยชน์มหาศาล
แนะนำให้ผู้สูงอายุรับประทานนำมะเขือเทศราชินีมาคั้นสด ๆ ซึ่งจะดีกว่าน้ำมะเขือเทศขวดหรือกล่อง ในขณะเดียวกันการกินมะเขือเทศในปริมาณมากก็ไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด มีงานวิจัยมะเขือเทศออกมาว่าการรับประทานมะเขือเทศให้ได้ 10 ครั้งต่อสัปดาห์ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากเพราะจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้อย่างมาก และดีต่อสุขภาพผิวอย่างเห็นได้ชัดเจน
บีทรูท

หากเอ่ยชื่อ “บีทรูท” ผู้สูงอายุหลายท่านก็คงจะขมวดคิ้วสักเล็กน้อย เพราะผักชนิดนี้ หากไม่ได้ชื่นชอบรับประทานก็คงพบเห็นได้ยาก แต่ถ้าเรียกว่าผักสีม่วงเข้ม ๆ ที่อยู่ในน้ำผลไม้สกัดเย็น หรือสลัดก็คงมีบอกคงร้อง “อ่อ” ขึ้นมาทันที ใช่แล้ว บีทรูทหรือผักสีม่วงตัวนี้มักผสมอยู่ในอาหาร ทำให้อาหารมีสีน่ารับประทาน แต่นอกจากที่สีสันจะสดสวยแล้ว หากพูดถึงคุณประโยชน์ก็นับว่าไม่น้อยผักและผักไม้ชนิดอื่นเลยทีเดียว
งานวิจัยระบุว่า สารไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ที่พบในบีทรูทมีสรรพคุณช่วยขยายหลอดเลือดอย่างอ่อน ๆ ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกขึ้น และยังช่วยลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ง่าย เสริมสมรรถภาพร่างกายให้แก่นักกีฬา เสริมการทำงานของตับหรือป้องกันโรคตับ รวมทั้งต้านมะเร็ง เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด เช่น ใยอาหาร วิตามินบี 9 โฟเลต แมงกานีส โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก วิตามินซี
บีทรูทนิยมนำมารับประทานสด ดอง ปรุงอาหาร เพิ่มสีสันของอาหาร แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มสีสันและคุณประโยชน์ให้อาหาร การรับประทานบีทรูทในปริมาณปกติที่พบได้จากในอาหารมีความปลอดภัย แต่หากอาจทำให้ปัสสาวะและอุจจาระเป็นสีแดงหรือชมพูหลังจากรับประทาน โดยเป็นอาการที่เรียกว่าบีทูเรีย (Beeturia) ซึ่งจะไม่มีอันตรายต่อร่างกายของผู้สูงอายุแต่อย่างใด
หญ้าหวาน

หากผู้สูงอายุท่านไหนกำลังมีปัญหาการควบคุมน้ำหนัก หรือต้องการลดระดับน้ำตาลด้วยการคุมอาหาร บอกได้เลยว่า หญ้าหวานเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จะทำให้คุณประทับใจ เพราะเอกลักษณ์อันโดดเด่นของหญ้าหวาน คือรสชาติที่หวานกว่าน้ำตาลทั่วไป 100-300 เท่า ทำให้ลดปริมาณการใช้น้ำตาลได้มากกว่าครึ่งแล้ว ทำให้ผู้สูงอายุสามารถคุมระดับน้ำตาลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังปรากฏงานวิจัยที่ศึกษาประเด็นนี้มากมายพบว่าหญ้าหวานมีประโยชน์ในการคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน ทว่าหญ้าหวานกลับปราศจากสารปรุงแต่งและแคลอรี่ โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาจัดให้สารสกัดหญ้าหวานเป็นสารเคมีที่ปลอดภัยต่อการบริโภค นอกจากนี้เจ้า “หญ้าหวาน” ก็ยังมีราคาถูก นำไปใช้ปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งคาวทั้งหวาน เรียกได้ว่าเป็นเครื่องปรุงรสสารพัดประโยชน์และยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย
ทั้งนี้การใช้หญ้าหวานเป็นสารปรุงแต่งอาหารแทนน้ำตาลควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม โดยผู้สูงอายุที่มีโรคเบาหวานควรหมั่นตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด รวมทั้งปรึกษาแพทย์ทันทีหากมีอาการผิดปกติใด ๆ เนื่องจากหญ้าหวานหรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากหญ้าหวานอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไปได้เช่นกัน
แครอท

แครอท ผักสีส้มที่เราพบเห็นกันจนชินตา ใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูทั้งต้มผัดแกงทอด แต่ผักที่แสนจะธรรมดานี้แท้จริงแล้ว ไม่คุณประโยชน์ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แครอทเป็นพืชที่ขึ้นชื่อว่าอุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะเบตาแคโรทีน พบได้มากในพืช ผัก ผลไม้ และธัญพืชต่าง ๆ ปกติแล้วร่างกายของมนุษย์สามารถเปลี่ยนเบตาแคโรทีนให้ไปเป็นวิตามินเอได้ และอาจทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) การรับประทานแครอทเชื่อว่าอาจมีส่วนช่วยในการรักษาโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคไฟโบรมัยอัลเจีย รวมถึงการขาดวิตามินเอ วิตามินซี และสังกะสี นอกจากนี้แครอทยังประกอบไปด้วยกากใยอาหารที่เชื่อว่ามีส่วนช่วยปรับปรุงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่ายซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาที่สำคัญของผู้สูงอายุอีกด้วย
แครอทสามารถใช้รับประทาน คั้นน้ำ หรือนำไปประกอบอาหารได้โดยค่อนข้างมีความปลอดภัย แต่หากรับประทานในปริมาณมากเกินไปอาจเป็นสาเหตุทำให้ผิวเหลือง ฟันเสื่อม หรือฟันผุได้ และยังไม่เป็นที่แน่ชัดหากนำไปใช้เป็นยาจะมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด รวมถึงมีข้อควรระวังในการรับประทานแครอทโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง หรืออาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาที่ใช้อยู่ในขณะนั้น หากผู้ป่วยเบาหวานรับประทานแครอทในปริมาณมาก ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างใกล้ชิด
บล็อคโคลี่

บล็อคโคลี่ ผักสีเขียวที่หลาย ๆ ท่านไม่นิยมรับประทาน สาเหตุหลักคงเป็นเพราะสีเขียวเข้มของมัน อาจทำให้ใครหลายคนกังวลถึงความขม ทว่าเจ้าสีเขียวของบล็อคโคลี่นี่เองที่เป็นแหล่งรวมคุณประโยชน์มากมาย เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินเค กรดโฟลิก โพแทสเซียม กากใยอาหาร และยังมีโปรตีนค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับผักชนิดอื่น ๆ ทั้งนี้บล็อคโคลี่ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารประกอบสำคัญหลายชนิด เช่น ซัลโฟราเฟนและอินโดล-3-คาร์บินอลที่คาดว่าอาจมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระอย่างแคมพ์เฟอรอลและเควอซิทินที่อาจช่วยยับยั้งการเกิดโรคหัวใจ มะเร็ง ลดการอักเสบ และลดความดันโลหิต รวมทั้งมีสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่อาจช่วยบำรุงสุขภาพดวงตาในผู้สูงอายุได้ นอกจากนี้ในผู้สูงอายุที่มีปัญหาข้อเข่าเสื่อม ปวดเวลาเดิน บล็อคโคลี่ยังเป็นทางเลือกสุขภาพทางหนึ่ง เนื่องจากมีงานวิจัยทดลองในผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมให้รับประทานบล็อคโคลี่ อย่างต่อเนื่องพบว่าน้ำไขข้อเพิ่มมากขึ้นกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ ทว่ายังเป็นงานวิจัยที่ทดลองในผู้ป่วยกลุ่มเล็ก ควรปรึกษาแพทย์ที่ให้การรักษาก่อนรับประทาน
บล็อคโคลี่ถูกนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูตามความชอบ หรือจะกินสด ๆ ก็ได้เช่นกัน แต่จากงานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ พบว่าการปรุงผักชนิดนี้ให้สุกด้วยความร้อนต่ำน่าจะช่วยคงสารอาหารต่าง ๆ และรักษาคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้มากที่สุด ทว่าผู้สูงอายุที่ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้หรือบริโภคเสมอ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงเกิดเลือดออกได้
สับปะรด

ผลไม้สีเหลืองสด รสชาติหวานหอม กรอบอร่อย คงทำให้ใครหลาย ๆ คนนึกถึง “สับปะรด” เย็น ๆ จิ้มเกลือ ไว้รับประทานเป็นผลไม้ตัดรสหลังมื้ออาหาร ทว่าผลไม้สีเหลืองที่เราคุ้นเคยนี้ กลับซ่อนคุณประโยชน์เอาไว้มากมาย
ผลของสับปะรดมีสรรพคุณในการขับเหงื่อ ห้ามเลือด แก้ทางปัสสาวะ ขับพยาธิ ฆ่าพยาธิ แก้โลหิตระดู บำรุงโลหิต แก้นิ่ว แก้ระดูขาว เป็นยาระบาย แก้หนองใน ทำให้แท้ง ช่วยย่อยอาหาร แก้ปัสสาวะพิการ (ปัสสาวะขัด) ขับปัสสาวะ กัดเสมหะในลำคอ แก้เสมหะเหนียว ขับเสมหะ แก้ไอ ระงับการอักเสบและบวม ทำให้แผลหายเร็ว การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาพบว่าน้ำคั้นจากสับปะรดมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างอ่อน มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ และยับยั้งการเกิดมะเร็ง เอนไซม์บรอมมีเลนมีฤทธิ์ย่อยโปรตีน ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน ต้านมะเร็งบางชนิดได้
สับปะรดสามารถรับประทานสด หรือนำไปประกอบอาหารก็ได้ ทั้งนี้การรับประทานหลังมื้ออาหารจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยอาหาร ทว่าอาจอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองเล็กน้อยภายในปาก ริมฝีปาก และลิ้นได้ นอกจากนี้สับปะรดยังเป็นผลไม้ที่มีระดับน้ำตาลสูง ผู้สูงอายุที่ต้องการคุมระดับน้ำตาล ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม
ผักเคล

ผักเคลหนึ่งในอาหารสุขภาพที่กำลังมาแรงในปี 2022 เพราะผักเคลที่เราเห็นอยู่นี้ มีประโยชน์มากมายมหาศาล เนื่องจากเคลเป็นผักที่แคลอรี่ต่ำ ไฟเบอร์สูง ไม่มีไขมัน วิตามินเค วิตามินเอ และวิตามินซีสูง นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพในการช่วยลดคอเลสเตอรอล สาเหตุสำคัญของโรคหลอดเลือดในผู้สูงอายุได้อีกด้วย
ในปัจจุบันเราจะพบโปรดักส์อาหารเสริมจากผักเคลออกวางจำหน่ายตามท้องตลาดจำนวนมากในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เคลแคปซูล, เคลพาวเดอร์, เคลอบกรอบ หรือแม้แต่สมูทตี้เคล ซึ่งผู้สูงอายุสามารถเลือกรับประทานได้ในปริมาณที่เหมาะสม
ผักโขม

ผักโขมเป็นผักยอดนิยมที่ถูกนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู นอกจากทำอาหารแล้วผักโขมยังเป็นลักษณ์ของอาหารเสริมพลังที่รับประทานแล้วร่างกายจะแข็งแรง เหมือนตัวการ์ตูนอย่าง “ป็อปอาย” ที่ต้องรับประทานทุกครั้งก่อนใช้แรง ทว่าคุณประโยชน์ของผักโขมไม่ได้จำกัดอยู่แค่ทำให้ร่างกายแข็งแรง ยังเป็นพืชที่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณรักษาหรือป้องกันโรคบางชนิด เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โลหิตจาง และลดระดับคอเลสเตอรอล เนื่องจากพืชในตระกูลผักโขมมีสารประกอบอย่างโทโคไตรอีนอล (Tocotrienols) และสควอลีน (Squalene) ที่น่าจะส่งผลต่อกลไกการสร้างคอเลสเตอรอลในร่างกาย ทำให้มีงานวิจัยบางชิ้นที่ทำการทดลองโดยใช้สัตว์ ซึ่งก็พบว่าสารดังกล่าวในผักโขมอาจส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมและคอเลสเตอรอลชนิด LDL ลดลงได้อีกด้วย
โดยผักโขมหรือผักขมนี้ไม่ได้มีรสขมเหมือนชื่อของมัน สามารถนำมาประกอบอาหารต่าง ๆ เช่น ผักโขมลวกจิ้มน้ำพริก ผัดผักโขม หรือแกงจืดผักโขมได้ ทั้งนี้การรับประทานผักโขมเป็นอาหารยังมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่หากต้องการใช้เป็นยารักษาโรคใด ๆ ควรปฏิบัติตามฉลากคำแนะนำการใช้อย่างเคร่งครัดและปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้
กระเจี๊ยบแดง

กระเจี๊ยบแดง ผักและผลไม้ใกล้ตัวที่ถูกนำมาทำเป็นเครื่องดื่มน้ำกระเจี๊ยบรสเปรี้ยว หวาน เหมาะกับการดื่มในตอนบ่าย ๆ ที่อากาศร้อน ๆ ทว่าเครื่องดื่มสีแดงสดนี้ นอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่าแล้วยังแฝงไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย เหมาะสำหรับปู้สูงอายุได้ดื่มคลายร้อน พร้อมรับประโยชน์มากมาย ทั้งมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) และสารโพลีฟีนอล ซึ่งได้แก่ Protocatechuic Acid ที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยชะลอความแก่ และช่วยให้เส้นเลือดอ่อนนิ่มได้ นอกจากนี้ใช้เป็นยาลดไขมันในเส้นเลือดและช่วยลดน้ำหนัก โดยมีการทดลองกับกระต่ายที่มีไขมันสูง แล้วพบว่าระดับไตรกลีเซอไรด์ คอเลสเตอรอล และระดับไขมันเลว (LDL) ลดลง และมีปริมาณของไขมันชนิดดี (HDL) เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ความรุนแรงของการอุดตันหลอดเลือดแดงใหญ่จากหัวใจก็น้อยลงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับสารสกัดกระเจี๊ยบแดงอีกด้วย
การรับประทานแดงสามารถนำมาต้มรับประทานคู่กับพุทราจีนเพิ่มรสชาติและสรรพคุณได้ ทว่ากระเจี๊ยบแดงอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ในผู้ป่วยบางราย เพราะมีฤทธิ์เป็นยาระบาย และน้ำกระเจี๊ยบมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะ แม้ว่าจะมีความเป็นพิษต่ำมาก แต่ก็ไม่ควรดื่มในปริมาณเข้มข้นและติดต่อกันนาน ๆ เพราะอาจทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้
จบกันไปแล้วสำหรับประโยชน์ของผักและผลไม้ชนิดต่างๆ จะเห็นได้เลยว่าสิ่งที่สามารถหาได้ตามซูเปอร์มาเก็ต ง่าย ๆ ใกล้บ้าน แต่ประโยชน์กลับมากมายมหาศาล หากรับประทานให้พอเหมาะพอดีก็จะส่งเสริมให้ร่างกายผู้สูงอายุแข็งแรง ป้องกันและควบคุมโรคประจำตัวได้โดยไม่ต้องหาซื้อวิตามินหรืออาหารเสริมราคาแพงอีกเลย
เอกสารอ้างอิง
- https://medthai.com/มะเขือเทศ/
- https://www.pobpad.com/บีทรูทกับประโยชน์ต่อสุ
- https://www.pobpad.com/หญ้าหวานต้านโรค-พิสูจน์
- https://www.pobpad.com/แครอทกับประโยชน์ต่อสุข
- https://www.pobpad.com/บล็อคโคลี่-ผักยอดนิยมกั
- https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/429/สับปะรด-อาหารไม่ย่อย-ขัดเบา/
- https://krua.co/food_story/kale/
- https://www.pobpad.com/ผักโขมมีสรรพคุณทางยา-รั
- https://medthai.com/กระเจี๊ยบแดง/