นับตั้งแต่ต้นปีที่แล้วที่ทั่วโลกเกิดวิกฤตโรคระบาด COVID-19 รวมทั้งประเทศไทยของเราด้วย ที่ตอนนี้กำลังระบาดรอบสอง และยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราต้องอยู่ในภาวะ Social Distancing ห่างกันสักพัก ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ คงหนีไม่พ้น “ผู้สูงอายุ” แต่การรักษาระยะห่างจากกันอาจจะยิ่งไปเพิ่มช่องว่างในความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในความรู้สึกของผู้สูงอายุด้วยเช่นกัน ดังนั้นมีอะไรบ้างล่ะที่ผู้สูงอายุจะทำได้ไม่ยากในช่วงโควิดแบบนี้ เอลเดอร์จึงขอแนะนำกิจกรรมดี ๆ สำหรับผู้สูงอายุ เพื่อเพิ่มสีสันและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุไปพร้อม ๆ กัน
ผู้สูงอายุกับภาวะ Social Distancing
อย่างที่เราทราบกันดีว่าผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดโควิดมากพอ ๆ กับเด็ก และยังมีอัตราการเสียชีวิตมากกว่าวัยอื่น ๆ ดังนั้นการที่จะลดความเสี่ยงลงได้ก็คือการลดการสัมผัสกับไวรัส รักษาความห่างระหว่างบุคคล เช่น หลีกเลี่ยงการแสดงออกทางความรักด้วยการสัมผัสกัน หรือหากจำเป็นต้องไปอยู่ในพื้นที่ที่คนแออัด จะต้องใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการรับเชื้อและการแพร่กระจาย พกแอลกอฮอล์ หมั่นล้างมือบ่อย ๆ หรือหากพื้นที่แถวบ้านมีการระบาดของโรคที่รุนแรง ควรอยู่บ้านให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ ควรมีการสำรองยารักษาโรคหรือสิ่งที่ต้องใช้เป็นประจำไว้ให้เพียงพอและเก็บให้ปลอดเชื้อ อีกปัจจัยที่สำคัญมากสำหรับบ้านที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ นั่นคือ การจำกัดการเยี่ยมเยียนของญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงเป็นการชั่วคราว ฟังดูเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับผู้สูงอายุนะครับ แต่ถ้าทำได้ เราก็จะลดความเสี่ยงการติดโรคไปได้มาก การเว้นระยะห่างทางสังคมไม่ได้หมายความว่าต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวนะครับ การอยู่โดดเดี่ยวนั้นเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อจิตใจและร่างกายของผู้สูงอายุเอง สมาชิกในครอบครัวอาจเข้ามาช่วยเหลือ ด้วยการลดการไปมาหาสู่ และเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารรูปแบบอื่นแทน เช่น การวีดีโอคอล
กิจกรรมที่ผู้สูงอายุทำได้ในช่วงโควิด
จะว่าไปแล้ว วัยสูงอายุมักจะถูกจำกัดด้วยอายุในการทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือถูกมองไปว่าไม่สนใจในกิจกรรมที่ช่วงวัยอื่น ๆ ทำกัน รวมถึงถูกมองว่าไม่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ซึ่งพฤติกรรมนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แม้ว่าตอนนี้เราจะอยู่ในช่วง Physical Distancing ตัวเราห่างกัน เพื่อความปลอดภัยของคนในครอบครัว แต่การถูกกีดกันไม่ให้ทำอะไรเลย จะยิ่งเป็นการเพิ่มช่องว่างให้เกิดขึ้นในความรู้สึกของผู้สูงอายุ ดังนั้นการสร้างเสริมสุขภาวะที่ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน มีดังนี้
1. ทำงานบ้าน ดูแลสวน
การทำงานบ้านและดูแลสวนเป็นกิจกรรมง่าย ๆ ที่นอกจากจะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้ว ยังเป็นการออกกำลังกายไปในตัว การได้ลุกขึ้นมาขยับร่างกายบ้าง ก็จะทำให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้น แถมบ้านของเราก็จะดีสะอาดและดูดีด้วยนะครับ อย่างการดูแลสวน ลองหาต้นไม้หรือดอกไม้มาปลูกรอบ ๆ บ้าน ใส่ปุ๋ย รดน้ำให้มันบ้าง ก็ถือเป็นกิจกรรมที่ทำได้เพลิน ๆ
2. ออกไปรับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า
เนื่องจากการอาศัยอยู่ในบ้านนานๆ อาจนำไปสู่การขาดวิตามินดี ดังนั้นการออกกำลังกายตอนเช้ารับแสงแดดอ่อน ๆ ช่วงก่อน 9 โมงเช้า หรือหลัง 4 โมงเย็นเป็นช่วงที่แสงแดดอุดมไปด้วยวิตามินดี ซึ่งจำเป็นมากสำหรับร่างกายของผู้สูงอายุ ช่วยป้องกันกระดูกพรุน และลดอาการซึมเศร้าทำได้โดยไม่ต้องพึ่งยา รวมถึงช่วยให้อารมณ์สดชื่นและแจ่มใสด้วยครับ
3. ลงคอร์สเรียนออนไลน์เสริมทักษะ
ปัจจุบันมีการเรียนนอกห้องเรียนมากขึ้น และยังมีการสนับสนุนให้คนไทยมีแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต นั่นก็คือโลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งจะมีคอร์สเรียนต่างๆมากมายทั้งแบบเสียเงินและไม่เสียเงิน เพียงแค่เราพิมพ์ความต้องการเรียนรู้ของเราลงไป นอกจากนั้นทางมหาวิทยาลัยต่างๆ ยังเปิดให้ลงทะเบียนคอร์สเรียนออนไลน์ฟรีมากมายเหมาะมากสำหรับใครที่อยากเสริมทักษะและเพิ่มการเรียนรู้ใหม่ ๆ ในด้านต่าง ๆ เช่น การแต่งรูป การวาดรูป การพิมพ์เอกสาร การทำอาหารเพื่อสุขภาพ การใช้โซเชียลมีเดีย เป็นต้น ซึ่งทักษะต่าง ๆ สามารถนำไปต่อยอดสำหรับผู้สูงอายุท่านไหนที่ยังมีไฟ ปัจจุบันหลายบริษัทมีการจ้างงานผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น สามารถนำสิ่งที่เรียน ไปทำงานได้
4. เล่นบอร์ดเกม
ใครว่ามีแต่เด็ก คนหนุ่มสาวเท่านั้นที่จะเล่นเกมได้? ผู้สูงอายุก็เล่นได้เช่นกันครับ บอร์ดเกมหรือเกมกระดาน มีประโยชน์ในเรื่องของการฝึกสมอง และยังเชื่อมความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ด้วย เพราะเวลาเล่นบอร์ดเกม ผู้เล่นแต่ละคนจะมีการโต้ตอบกันบ้าง ซึ่งบางครั้งก็นำไปสู่การพูดคุยกัน วันไหนไม่รู้จะทำอะไร ลองหยิบบอร์ดเกมมาเล่นกับลูกหลานดูนะครับ
5. DIY ประดิษฐ์ของใช้
ถ้าผู้สูงอายุท่านไหนมีฝีมือในการทำงานประดิษฐ์ ลอง DIY ประดิษฐ์ของใช้ ของประดับตกแต่งภายในบ้าน โดยมีลูกหลานคอยช่วยก็ได้ครับ ก็จะสร้างความเพลิดเพลิน ไม่เบื่อจนเกินไป
6. อ่านหนังสือและเสพข่าวอย่างพอดี
การอ่านหนังสือจะช่วยเรามีสมาธิ จดจ่อมากขึ้น ยิ่งในช่วงโควิดแบบนี้ ผู้สูงอายุหลายคนมักจะวิตกกังวลใจมากเป็นพิเศษว่าเราจะติดไหม ติดหรือยังนะ การหนังสือจะช่วยให้เราไม่ฟุ้งซ่าน สามารถโฟกัสในการทำอะไรมากขึ้น ส่วนการเสพข่าวสารนั้น ควรเสพอย่างพอดีนะครับ หากวัน ๆ หนึ่ง เราเสพข่าวสารมากเกินไป เราจะเครียด สุขภาพจิตก็จะเสีย โดยเฉพาะการเสพข่าวในโลกโซเชียลมีเดีย ที่ไม่ได้มีแค่ข่าวจริง แต่ยังข่าวปลอม ปั่นกระแสอยู่มาก ดังนั้น ต้องใช้วิจารณญาณในการเสพให้ดี
7. กินผักผลไม้ให้ได้สัดส่วน
นอกจากที่เราจะป้องกันตัวเองจากโควิดจากภายนอกร่างกายแล้ว ภายในร่างกายของเราก็สำคัญเหมือนกัน ดังนั้นในแต่ละวันเราควรกินผักผลไม้ให้ได้สัดส่วนที่พอเหมา กล่าวคือ ผู้สูงอายุควรกินผักและผลไม้ให้ได้ไม่น้อยกว่าวันละ 4 ทัพพี โดยควรบริโภคผักหลากหลายชนิด หลากหลายสีร่วมกัน เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน ถ้าเป็นผักใบสดต้องกินมากเป็น 2 เท่าของผักสุก
8. ออกกำลังกาย ยืด เหยียดร่างกาย
การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ จะเน้นการเผาผลาญร่างกายแบบไม่รุนแรง แต่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง จะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ข้อต่าง ๆ ทำงานได้ดี ไม่ยึด และป้องกันการหกล้ม เช่น การแกว่งแขน 20 นาที เท่ากับการเต้นแอโรบิก ทำให้ได้ทั้งบริหารปอดและหัวใจ โดยให้นับ 500 ครั้ง หรือ 1 เซต หากเหนื่อยก็หยุดพัก แล้วค่อยเริ่มใหม่ ทำเท่าที่ทำไหวนะครับ อย่าหักโหมเกินไป หรือจะเป็น การฝึกโยคะ จะช่วยลดการตึงกล้ามเนื้อเส้นเอ็น เพียงแค่ผู้สูงอายุนั่งเหยียดขา จากนั้นให้ก้มตัวลง เพื่อยืดเส้นเอ็น ยืดหลังและสะโพก หรือแก้ผู้ใหญ่ที่มีอาการปวดข้อเข่า
9. ร้องคาราโอเกะ
การร้องคาราโอเกะเป็นกิจกรรมที่เข้าถึงทุกเพศ ทุกวัย ช่วยพักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การอยู่บ้าน ๆ ก็จะเบื่อ ซึมเศร้าได้ง่าย แต่การร้องเพลงจะช่วยให้จิตใจเบิกบาน ยิ่งถ้าได้ร้องเพลงเก่า ๆ ที่ชอบด้วยแล้ว ก็ทำให้นึกย้อนอะไรเก่า ๆ
10. นัดปาร์ตี้ในแบบ Video call group
ในช่วงที่ต้อง Social Distancing แบบนี้ ผู้สูงอายุหลายคนอาจจะเหงาเพราะไม่ได้เจอเพื่อนฝูง ไม่สามารถรวมกลุ่มกันได้ ดังนั้นตัวเลือกที่ดีกับสถานการณ์เช่นนี้ คือ การ Facetime ด้วยโปรแกรมการสื่อสารต่าง ๆ เช่น Facebook Skype Line สามารถติดต่อ เห็นหน้ากันได้โดยไม่ต้องออกจากบ้าน ทั้งสะดวกและปลอดภัย
ทั้งหมดนี้คือกิจกรรมที่เอลเดอร์นำมาฝากกัน สำหรับใครที่กำลังเหงา วิตกกังวล อย่าเครียดมากเกินไปนะครับ พยายามดูแลตัวเองให้มาก ๆ ล้างมือบ่อย ๆ เลี่ยงการออกจากบ้านไปยังพื้นที่แออัด และอย่าลืมทำกิจกรรมข้างต้นนี้ไปด้วย เท่าที่การอยู่บ้านก็จะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไปแล้วครับ
ข้อมูลอ้างอิง
– –