ปัญหาเรื่องการซื้อยาทานเอง โดยขาดการแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรยังคงมีอยู่แพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นในวัยผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ สาเหตุมักมาจากการไม่อยากไปโรงพยาบาล การรักษาตามแพทย์สั่งหายช้า อยากมีทางลัดในการบรรเทาอาการเจ็บป่วย และเกิดจากการบอกปากต่อปาก “เขาว่ากินตัวนั้นดี เขาว่ากินตัวนี้หาย” จึงทำให้คนในวัยนี้มักจะตกเป็นเหยื่อจากผู้ขายยาที่ขาดจรรยาบรรณขายยาอันตรายให้ ที่เรียกว่า “ยาชุด”

ยาชุด คืออะไร?

หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินจากข่าว หรืออาจเคยเห็นคนใกล้ตัวหรือคนรู้จักทานยาชุด ซึ่งยาชุดจะมีอยู่หลากหลายประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ยาชุดแก้ความดัน ยาชุดแก้เบาหวาน ยาชุดแก้ปวดเมื่อย ยาชุดแก้ผอมแห้ง ยาชุดแก้หวัด ยาชุดแก้อาการแพ้ เป็นต้น

ลักษณะของยาชุด มักจะบรรจุอยู่ในซองพลาสติกเล็กๆ ในซองจะมียาที่ลักษณะรูปร่างและสีสันแตกต่างกันอยู่ 4-6 เม็ด ขึ้นอยู่กับยาชุดแต่ละประเภท ซึ่งยา 1 ชุดก็จะประกอบไปด้วยตัวยาหลายๆ ชนิดรวมกัน เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาลดกรด ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาปฏิชีวนะ ยากล่อมประสาท และวิตามินต่างๆ โดยอวดอ้างสรรพคุณครอบจักรวาล ทานชุดเดียวหายทุกโรค ไม่มีการแบ่งว่าแต่ละเม็ดเป็นยาชนิดใด ควรทานเวลาใด ซึ่งผู้ขายมักเป็นร้านขายของชำทั่วไป ผู้ไม่มีความรู้เรื่องโรค อาการของโรค ยาและการใช้ยา พยาบาลหรือเภสัชกรที่ไร้จรรยาบรรณ ที่นำมาขายเพราะราคาถูก กำไรดี ส่วนผู้ซื้อมักให้ความสนใจเพราะราคาถูก หายจากอาการเจ็บป่วยได้เร็ว แต่หารู้ไม่ว่า ยาเหล่านี้เป็นยาอันตรายที่กดความเจ็บปวด แต่ทวีความรุนแรงของโรคจนไปถึงขั้นเสียชีวิตฉับพลันได้

ยาชุด อันตรายอย่างไร ?

โดยปกติตัวยาที่บรรจุอยู่ในยาชุดอาจแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ โดยส่วนใหญ่พบว่า ร้อยละ 80 มียาสเตียรอยด์เป็นส่วนประกอบอยู่ยาชุดเป็นหลัก และมักมาคู่กับยาต้านอักเสบที่ออกฤทธิ์แรงได้แก่ อันโดเมทาซิน และเฟนนิลบูตาโซน บางชุดได้บรรจุยาต้านอักเสบ 2 ชนิด รวมทั้งยาสเตียรอยด์เข้าไว้ด้วยกัน โดยหวังที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ทำให้ระงับอาการเจ็บปวดได้อย่างรวดเร็ว สร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้ใช้ยาชุดว่าเป็นตัวยาที่ถูกกับโรคของตน จึงหันมาพึ่งอย่าชุดอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งการเจ็บป่วยที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม ถึงขั้นไตวายเฉียบพลัน ช็อค เป็นอัมพาต หรือเสียชีวิตได้

ยาสเตียรอยด์ เป็นยาต้านการอักเสบที่ออกฤทธิ์แรงและอันตราย การใช้ต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์อย่างใกล้ชิด การใช้สเตียรอยด์ติดต่อกันนานๆ จะทำให้หน้าบวม ผิวหนังบาง เส้นเลือดเปราะและแตกง่าย มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร กระดูกสันหลังพรุนและยุบง่าย ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ ติดเชื้อง่าย ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อเรื้อรังหรือรุนแรง ผู้ป่วยมักเสียชีวิตจากการติดเชื้อรุนแรง 

ยาในกลุ่มต้านการอักเสบ (ยาบรรเทาอาการปวดลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ) ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร หากทานติดต่อกันนานๆ อาจทำให้เลือดออกในกระเพาะอาหารและกระเพาะอาหารทะลุได้ และในผู้สูงอายุที่เป็นโรคไตหรือโรคตับเรื้อรัง ผู้ที่ขาดน้ำ การรับประทานยาในกลุ่มนี้จะเร่งให้ไตวายเร็วขึ้น ทำให้เกิดการคั่งของเกลือและน้ำ ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และมีอาการบวมน้ำตามมาด้วย นอกจากนี้ถ้ามีตัวยาเฟนนิลบูตาโซน ซึ่งยังมีฤทธิ์กดไขกระดูกอย่างรุนแรง อาจทำให้เป็นโรคไขกระดูกฝ่อได้อีกด้วย

โทษของยาชุดที่ส่งผลต่อร่างกายอย่างร้ายแรง

  1. ได้รับยาเกินขนาด เนื่องจากในยาชุดมักมีตัวยาหลายตัวซ้ำซ้อนกัน เช่น ยาชุดแก้ปวดเมื่อย 1 ชุด จะมียาแก้ปวด 2-3 เม็ด เมื่อรับประทานเข้าไปเป็นประจำ ทำให้เกิดการสะสมของปริมาณยาที่เพิ่มขึ้น ได้รับอันตรายจากสารพิษของยาอย่างร้ายแรง เช่น อาจทำให้เกิดกระเพาะทะลุได้
  1. ร่างกายได้รับยาเกินความจำเป็น อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่ายาชุดมักจะรวมยาหลายชนิดเข้าด้วยกัน ทำให้เมื่อเรามีอาการเจ็บปวดบางอย่าง เช่น ผู้ที่เป็นหวัด ไปซื้อยาชุดแก้ไข้หวัด ที่ใน 1 ชุดประกอบด้วย ยาแก้ปวด แก้ไข้ ยาลดน้ำมูก ยาทำให้จมูกโล่ง ยาแก้ไอ ยาปฏิชีวนะ แต่ผู้ป่วยไม่มีอาการไอ หรือไข้ ก็ไม่จำเป็นต้องทานยาเหล่านี้ ผู้ป่วยจึงได้รับยาเกินความจำเป็น ส่งผลให้ไตและตับทำงานหนักขึ้น
  2. ได้รับยาไม่ครบขนาด โดยปกติผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบคทีเรียจำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะ เพื่อฆ่าเชื้อ ซึ่งจำเป็นต้องทานให้ครบขนาด มิฉะนั้นจะทำให้เกิดการดื้อยา รักษายากขึ้น จนต้องใช้ยาที่แรงขึ้น เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกด้วย
  3. ยาชุดมักมียาสเตียรอยด์ร่วมด้วย เพื่อทำให้อาการของโรคบรรเทาลงอย่างรวดเร็ว แต่ยาสเตียรอยด์นั้นมีผลข้างเคียงสูง หากรับประทานไม่ถูกต้อง จะทำให้กระดูกผุ บวมน้ำ ภูมิต้านทานต่ำ ติดเชื้อง่าย เป็นต้น
  4. ยาชุดมักมียาเสื่อมคุณภาพ ยาปลอม หรือยาไม่ได้มาตรฐาน สังเกตได้จากราคาที่ถูกมาก อาจมาจากยาที่ถูกทิ้งจากการหมดอายุ หรือยาที่ไม่ผ่านมาตรฐาน และมีตัวยาที่มีฤทธิ์แรง มีปริมาณสารที่เกินมาตรฐานกำหนด ล้วนทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายร้ายแรง

อาการหรือปัญหาสุขภาพที่ตามมาหลังใช้ยาชุด

  1. กระเพาะอาหารทะลุ มีเลือดออกในกระเพาะ
  2. กระดูกพรุน ไขกระดูกฝ่อ
  3. อาการบวมน้ำ ตัวบวม หน้าบวม เท้าบวม
  4. มีการดื้อยา รักษาโรคที่เป็นอยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้โรครุนแรงมากขึ้น
  5. ไตวายเฉียบพลัน เพราะตัวยาที่มีอยู่ให้ยาชุดส่งผลต่อไต

เห็นไหมครับว่ายาที่เขาบอกว่าดีอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่คิด อีกอย่างเขาที่ว่านั้นคือใคร เอาอะไรมาการันตีว่าดีจริง เขารู้เกี่ยวกับหลักการทำงานของร่างกาย และหลักการทำงานของยามากน้อยแค่ไหน อย่าหลงเชื่อเพียงเพราะการบอกต่อที่ไม่ได้มาจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพราะเมื่อคุณเจ็บป่วยรุนแรงจากยาเหล่านี้ เขาผู้นั้นไม่ได้มาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับคุณ ไม่ได้มาอยู่คอยดูแลคุณ หรือไม่แม้แต่จะมารับผิดชอบต่อคำพูดจากการแนะนำยาพิษเหล่านี้ให้แก่คุณ เมื่อรู้โทษและความอันตรายของยาชุดแบบนี้แล้ว หยุดและเตือนคนรู้จัก คนรอบข้าง อย่าได้มาพึ่งยาเหล่านี้เด็ดขาด หากเจ็บป่วยควรปรึกษาแพทย์และทานยาตามแพทย์สั่งดีกว่านะครับ  แหล่งอ้างอิง
https://bit.ly/3qq7yid
https://bit.ly/3BtcmcT
https://www.doctor.or.th/article/detail/6648
https://www.hfocus.org/content/2022/08/25797
https://bit.ly/3U8I3Qe
https://bit.ly/3Bvz0l7

บทความอื่นๆ

ปัญหาท้องอืด เอลเดอร์เชื่อว่าหลายๆคนประสบปัญหาเหล่านี้อยู่เป็นประจำ ดังนั้นสูงวัยมาทำความเข้าใจถึงต้นเหตุของปัญหาท้องอืด และมาร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารกันครับ
ภาวะเลือดเป็นกรดในผู้สูงอายุ เอลเดอร์เชื่อว่าหลายท่านคงยังไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ แต่โรคนี้เป็นโรคอันตรายใกล้ตัวอย่างมากที่ผู้สูงอายุไม่ควรละเลย
error: Content is protected !!
Scroll to Top